6/29/2556

รายชื่อประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า


อึ้ง! นักเรียนไทย เสนอยกเลิก ความเป็นไทย



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในแฟนเพจเฟซบุ๊ค รวมเด็ด ได้โพสต์คลิปชื่อ ที่บ้านไม่เคร่งเรื่องมารยาท โดยในคลิปเป็นส่วนหนึ่งของรายการ เดอะเดลี่โดส ออกอากาศทางช่อง VoiceTV โดยมี หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ หรือ คุณปลื้ม เป็นพิธีกรรายการ

ภายในคลิปคุณปลื้มกำลังสัมภาษณ์ นายเนติวิทย์ เลขาธิการสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษา โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ในประเด็นเกี่ยวกับแนวทางในการปฏิรูประเบียบการศึกษาของนักเรียนไทย

โดยคุณปลื้มถามว่า กฏระเบียบอะไรที่ไม่เป็นธรรมสำหรับนักเรียน นายเนติวิทย์ให้คำตอบว่า ตนไม่ชอบคอนเซ็ปต์ของมัน ที่ต้องมาอ้างความเป็นไทย อะไรก็อ้างความเป็นไทย สัมมาคารวะต้องเป็นแบบนี้วุ่นวายไปหมด ผมไม่ชอบ

หลังจากนั้นพิธีกรคุณปลื้มถามต่อไปว่า แล้วขั้นตอนต่อไปจะทำอะไร ถ้าหลังจากนี้สามารถไว้ผมยาวได้ นายเนติวิทย์ บอกยกเลิกความเป็นไทยที่เขาสร้างกันขึ้น

เมื่อคลิปแพร่ออกไป มีผู้เข้ามาชมแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสียใจมากมั้ยที่เกิดบนแผ่นดินไทย ? อึดอัดมากมั้ยที่ต้องดำเนินชีวิตด้วยวัฒนธรรมแบบไทยๆ? เกลียดตัวเองมั้ย ที่ต้องพูดภาษาไทย?

ถ้ามันขนาดนั้น ….รีบย้ายไปอยู่เขมรเลย! และโตไปก็จะทำให้สังคมเสื่อมในความคิดอย่างนี่แหละ ต่อไปคงเป็นแกนนำส่งเสริมอะไรที่ผิดๆ

6/22/2556

เรื่องแปลกในประเทศไทยที่คนต่างชาติไม่เข้าใจ

1. ประเทศไทย...ทำไมมีสรรพนามเรียกแทน ตัวเองและฝ่ายตรงข้ามมากมายหลายคำ ?
ถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็จะมีแค่ I กับ You ถ้าเป็นภาษาจีน ก็มี หว่อ กับ หนี่ แต่ภาษาไทยนี่มีเยอะมากกกก ตั้งแต่ ฉัน-เธอ , เรา-แก , ข้า-เอ็ง , ผม-คุณ , เดี๊ยน-หล่อน และอีกสารพัด เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ต่างๆ ถ้าคุยกับพ่อแม่อาจจะเรียกตัวเองว่า หนู ถ้าคุยกับน้องสาวอาจจะเรียกตัวเองว่าฉัน แต่พอไปคุยกับเพื่อน อาจเรียกตัวเองว่าเรา เอ๊ะ นั่นน่ะสิ ทำไมคนไทยถึงมีสรรพนามเรียก แทนตัวเองและคนอื่นเยอะขนาดนี้นะ ? น่าสงสัยเหมือนกันนะ !


2. ประเทศไทย .... ทำไมเมืองหลวงชื่อยาวมาก ?
ชาวต่างชาติมักรู้จักกรุงเทพฯ ในนาม Bangkok แต่ถ้าใครได้รู้ชื่อ เมืองหลวงเต็มๆ ของกรุงเทพฯ รับรองว่าอึ้งทุกราย ก็ชื่อเมืองหลวง เต็มๆ ของกรุงเทพฯ เค้ามีชื่อว่า "กรุงเทพมหานคร อมรรัตน โกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์ มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติ
ยวิษณุกรรมประสิทธิ์" ท่องกันได้รึเปล่าล่ะ ?


3. ประเทศไทย .... ทำไมคนไทยนามสกุลยาวจัง ?
ในขณะที่ชาวต่างชาติเค้านามสกุลสั้นๆ แค่ 2-3 พยางค์ บางชาติก็แค่พยางค์เดียว แต่คนไทยส่วนมากนามสกุลย๊าวยาว บางคนยาวกว่า 8-9 พยางค์ บางคนยาวเป็น 10 พยางค์ก็มี เวลากรอกเอกสารสำคัญๆ เรียกว่าเขียนเกินหน้ากระดาษกันเลยทีเดียว


4. ประเทศไทย .... ทำไมคนไทยชอบ พิมพ์ 5555 ?
ก็เพราะว่าเลข 5 ในภาษาไทยออกเสียงว่า 'ห้า' หรือ พ้องไปเป็น 'ฮ่า' ดังนั้นเวลาพิมพ์หรือแชทกัน แล้วรู้สึก ตลกหรือขำ ก็จะพิมพ์แทน 'ฮ่าฮ่าฮ่า' ว่า '555' บาง คนเผลอเอาไปพิมพ์แชทกับเพื่อนต่างชาติ รับรองว่า ฝรั่งงงทุกรายแน่ๆ 555 ไปๆ มาๆ เพื่อนต่างชาติของ เราดันติดเอาไปใช้คุยกับคนอื่นต่ออีกแน่ะ 555 อ้อ แต่บางทีคนไทยด้วยกันเองก็มีงงบ้าง เช่น

ค่ารถ เท่าไรอะ
55
จะขำทำไม
เปล่าเฟ้ย หมายถึงค่ารถ 55 บาท



5. ประเทศไทย .... ทำไมอะไรๆ ก็ตีเป็นเลขได้ ?
อู้ยยย อย่าว่าแต่ฝรั่งเลยที่แปลกใจ คนไทยด้วยกันเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมทุกอย่างถึงสามารถตีเป็นเลขได้ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้(ต้นไม้ร้องไห้ มีน้ำไหลออกมาตลอดเวลา) สัตว์(ควายแรกเกิดมี 2 หัว) ของกิน(แตงโมเผือก) และอะไรอีกสารพัดก็สามารถเอามาตีเป็นเลขได้ คนไทยนี่สุดยอดจริงๆ เลยนะเนี่ย อิอิ


6. ประเทศไทย .... ทำไมชื่อเล่นคนไทยถึงแปลกจัง ?
ก็ชื่อเล่นคนไทยมีทั้งชื่อสัตว์(แมว กวาง นก กระต่าย) ผลไม้(ส้ม เปิ้ล มะปราง ชมพู่) ผัก(คะน้า แตงกวาต้นหอม ขิง) ขนม(วุ้น ปุยฝ้าย เค้ก ลูกกวาด) เครื่องประดับ (แก้ว แหวน สร้อย) เลข(หนึ่ง สอง สาม สี่) และอะไรอีกสารพัด เล่นเอาคนต่างชาติอึ้งว่าทำไมถึงตั้งชื่อกันอย่างนี้

มีเพื่อนคนนึงชื่อแตงกวา คุณเธอไปเรียนต่อที่เกาหลีเลยจัดแจงเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น 'โออี' (ภาษาเกาหลีแปลว่าแตงกวา) ตอนออกไปแนะนำตัวหน้าชั้น ทั้งอาจารย์ทั้งเพื่อนขำกันยกใหญ่ว่าคนอะไรชื่อแตงกวา หารู้ไม่ว่าที่เมืองไทยชื่อแตงกวาออกจะน่ารัก ก็แหม มีใครเคยเจอชาวต่างชาติชื่อ cucumber rabbit necklace อะไรอย่างนี้มั้ยล่ะ? ไม่มี๊ไม่มี มีแต่คนไทยเท่านั้นแหละที่สามารถเอาสิ่งรอบตัวมาตั้งเป็นชื่อเล่นได้ ! สุดยอดปะล่ะ !


7. ประเทศไทย .... ทำไม....ไหว้อะไรกันที่หน้า บ้าน ?
นั่นก็หมายถึงศาลพระภูมิเองล่ะค่ะ ฝรั่งบางคน(หรือแทบทุกคน) ได้เห็นแล้วต้องเป็นงงว่า 'นี่คืออะไร บ้านนกเหรอ?' แล้วทำไม ต้องจุดธูปกับเอาของกินมาถวายบ้านนกด้วยล่ะ ? ดังนั้นก็ต้อง อธิบายกันซะยืดยาวว่าจริงๆ แล้วนั่นคือศาลพระภูมิที่เชื่อกันว่าเป็นที่ สิงสถิตย์ของเจ้าที่ที่คอยคุ้มครอง

แต่แหม พี่ฝรั่งบางคนนึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรไม่ทราบ ดันซื้อกลับ ประเทศไปซะหลายหลัง - -"อย่างนักบอลชื่อดังเดวิด เบคแฮม ก็เป็น อีกรายที่ซื้อศาลพระภูมิกลับประเทศไปตรึม


8. ประเทศไทย .... ทำไมต้องยืนตรงก่อนหนังฉายในโรงหนัง ?
รับรองเถอะค่ะ ร้อยทั้งร้อยของชาวต่างชาติที่มีโอกาสได้เข้าไปในโรงหนังของบ้านเรา ต้องสงสัยทุกรายว่าทำไมต้องยืนตรงก่อนหนังฉาย ยังไงก็อย่าลืมอธิบายให้เค้าฟังด้วยนะคะว่า 'ต้องยืนตรงทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมี' (ไม่ว่าจะอยู่ในโรงหนังหรือไม่ก็ตาม) เพื่อเป็นการแสดงความเคารพถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทยนั่น เองค่ะ ..... เชื่อมั้ยคะว่า ชาวต่างชาติบางคนรู้สึกขนลุกและประทับใจต่อเพลงสรรเสริญฯ มาก บางคนมาเมืองไทยทีไร ต้องหาเวลาเข้าโรงหนัง ไม่ได้เข้าไปดูหนังหรอกนะคะ แต่เข้าไปยืนตรงแล้วฟังเพลง



9. ประเทศไทย .... ทำไมคนไทยต้องติดรูปนี้ไว้บนฝาบ้าน ?
นั่นก็คือพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั่นเองค่ะ ซึ่งเป็นรูปที่คนไทยต้องมีกันทุกบ้านไม่ว่าจะอยู่ที่มุมไหนของประเทศไทย คนไทยบางคน(โดยเฉพาะในเมืองนอก)ถึงกับพกพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ ติดกระเป๋าสตางค์ พอฝรั่งเห็นเข้าก็แปลกใจว่า เอ๊ะ พกรูปใครมาน่ะ Do you know him personally (รู้จักเค้าเป็นการส่วนตัวเหรอ) ? เราไม่ได้รู้จักท่านเป็นการส่วนตัว แต่ท่านคือพ่อของคนไทยทุกคนที่พวกเราทั้งรักและจงรักภักดีต่างหาก....


ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://ruwann.exteen.com/20110124/entry

6/08/2556

10 อันดับเมฆที่หาดูยาก

เริ่มจากอันดับ 10 กันเลยครับ Altocumulus Castelanus
เมฆกลุ่มนี้คือจะเป็นพุ่มๆเหมือนแมงกะพรุน เกิดจากลมที่ชื้นๆจากกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม มาเจอกับอากาศแห้งๆ




อันดับ 9 Nacreous
เมฆ นี้เรียกได้ว่าเป็นไข่มุกแห่งเมฆาเลยทีเดียว เพราะสีนวลตาและหลากสี ทำให้เพลินตาดี ซึ่งจะพบได้ที่แถบใกล้ๆขั้วโลกเช่นสแกนดิเนเวียตอนช่วงหน้าหนาว เวลาเย็นๆที่แสงอาทิตย์ส่องผ่าน เป็นเวลา2ชั่วโมงเท่านั้นที่เราจะเห็นแบบนี้




อันดับ 8 Mammatus Clouds
เมฆ ลักษณะแบบเป็นกระเปาะยื่นลงมา คนทั่วไปมักจะนึกว่าเดี๋ยวจะมีพายุเข้ามารึเปล่าหว่า จริงๆแล้ว เมฆนีไม่ใช่สัญญาณเตือนอันตรายแต่อย่างใด แต่มักเกิดขึ้นหลังจากที่พายุทอร์นาโดพ้นผ่านไปแล้วต่างหากล่ะ




อันดับ 7 Mushroom Clouds
เมฆแบบนี้คงไม่ใช่อะไรที่จะดีเท่าไหร่ เพราะมันเกิดจากการระเบิดอย่างแรง ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเชื่อมโยงกับระเบิดนิวเคลียร์




อันดับ 6 Noctilucent Clouds
เมฆ ตามชื่อ คือ เกิดขึ้นในช่วงกลางคืนแต่เรืองแสง ซึ่งเกิดที่บริเวณแถวๆใกล้ๆขั้วโลกโดยแสงอาทิตย์จากอีกฟากส่องมาปะทะกับเมฆ จึงเห็นเหมือนกับเรืองแสงได้




อันดับ 5 Cirrus Kelvin-Helmholtz
เมฆม้วนเป็นเกลียว โอกาสเกิดขึ้นยากมาก และเกิดขึ้นเป็นเวลา 2-3นาที แล้วจากนั้นก็เละ เรียกว่า เป็นความบังเอิ๊ญบังเอิญจริงๆ




อันดับ 4 Lenticular Clouds
เกิดจากหลายองค์ประกอบ ทั้งลมและความชื้น ทำให้รวมกลุ่มกลายเป็นเลนส์ได้(แต่บางครั้งก็เหมือนUFOนะ หรือว่า.....!?????)




อันดับ 3 Roll Clouds
เป็น เมฆฝนถึงขั้นที่จะเกิดพายุ แต่เป็นเมฆก้อนใหญ่บวกกับความดันอากาศ ความร้อนและเย็น ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของเมฆเป็นการม้วน เลยดูเหมือนคลื่นขนาดใหญ่




อันดับ 2 Shelf Clouds
ลักษณะ คล้ายๆกับอันดับ 2 แต่อันนี้ไม่ได้เป็นการม้วน แต่เป็นชั้นๆเหมือนที่กำบัง(บ้างก็ว่าเหมือนลิ้นชัก)และจะมาเป็นแนวตั้ง นอกจากนี้มันยังคล้อยตัวต่ำจนน่ากลัว และเขาบอกว่าถ้าเข้าไปอยู่ในนั้นนี่ อย่างกับในหนังเลยครับ พยาุกระหน่ำรวมทั้งอุณหภูมิที่ร้อนมากๆและการหมุนของพายุที่น่าสะพรึงกลัว




อันดับ 1 Stratocumulus Clouds
เมฆ แบบนี้เกิดขึ้นได้ยาก ลักษณะมันก็เหมือนกับเอาดินน้ำมันมานวดๆๆๆๆๆๆ เลยออกมาเป็นเส้นยาวๆ และเผอิญว่าเส้นยาวๆจะแบ่งเป็นช่วงๆซะด้วย ทฤษฎีว่าด้วยเรื่องของการเกาะกลุ่ม

6/01/2556

ซากแมมมอธที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ที่สุด

      นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียค้นพบซากแมมมอธที่ยังมีเลือดและเนื้อเยื่อที่สมบูรณ์ ซึ่งเชื่อว่าจะมีอายุเก่าแก่ราว 10,000 - 15,000 ปีก่อน ทำให้นักวิทยาศาสตร์เริ่มคิดจะสานฝันการโคลนนิ่งสัตว์สมัยจูราสิก พาร์คให้กลับมามีชิวตอีกครั้งในโลกปัจจุบัน
 
โดยระหว่างที่กำลังเจาะก้อนน้ำแข็งใต้ท้องของเจ้าแมมมอธก็มีเลือดจำนวนหนึ่งไหลออกมา ซึ่งแสดงว่าเลือดของแมมมอธไม่แข็งตัว แม้อุณภูมิจะต่ำถึง-17 องศา
 
นายเซเมียน กริกอรีฟ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แมนมอธ ของมหาวิทยาลัยนอร์ธ-อีสต์เทิร์น เฟเดอรอล (North Eastern FederalUniversity) ระบุว่าพวกเขาได้เอาเลือดตัวอย่างที่เก็บได้ไปไว้ในตู้เย็นของพิพิธภัณฑ์แล้วแต่ทางศูนย์ยังต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
 
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าตัวอย่างเลือดที่เก็บได้มาน่าจะมีสารที่มีคุณสมบัติบางอย่างที่ทำให้เจ้าแมมมอธตัวนี้ทนความหนาวได้
 
ทั้งนี้ความพยายามที่จะโคลนแมมมอธนั้นมีมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 แล้ว โดยใช้ตัวอย่างจากเนื้อเยื่อที่สมบูรณ์น้อยกว่านี้การค้นพบเลือดที่ยังคงอยู่ในสภาพที่เป็นของเหลวจะช่วยให้โอกาสในการฟื้นฟูแมมมอธที่เคยสูญพันธุ์ให้กลับคืนมาบนโลกมีความเป็นไปได้มากขึ้น

ซากแมมมอธ,หยดเลือด

คลิกที่นี่เพื่อดูคลิป
http://www.youtube.com/watch?v=7GQKWQ1t9r0&feature=player_embedded



ขอบคุณข้อมูลจาก  
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1369959218&grpid=01&catid=&subcatid=

10 อันดับเมนูแปลก

บางเมนู ก็เป็นความเชื่อของคนในท้องถิ่น หรือประเทศนั้นๆ แปลกของเรา แต่ธรรมดาของเขา คงเอาความรู้สึกไปตัดสินไม่ได้ โดย เฉพาะอันดับ 1 ขนาดรูปประกอบเป็นรูปวาด แต่อ่านคำบรรยายแล้ว จ้างเป็นล้านก็คงไม่กิน (ถ้าซักร้อยล้าน อาจรับพิจารณา ทนกินซักคำ เพื่อเงิน)


ปล.เอามาให้ชม ประดับความรู้ และเปิดมุมมองใหม่ๆ แต่อาหารบางชนิดมีผู้เชี่ยวชาญระบุแล้วว่า อาจมีเชื้อโรคอยู่มาก และ ไม่ได้บำรุงกำลังอะไรมากมายอย่างที่เชื่อกัน เพราะฉะนั้นดูสนุกๆ ดีกว่า อย่าลองเลยเนอะ



เริ่มกันที่ อันดับ 10 หนู



เป็น อาหารสุดฮิตของอเมริกาใต้ โดยเฉพาะประเทศยากจนอย่าง เปรู ปารากวัย หนูคือแหล่งโปรตีนสำคัญที่เดียว และเป็นเมนูหลักๆ ของร้านอาหาร และภัตตาคารใหญ่ๆ โดยชาวปารากวัยต่างลิ้มลองเชื่อว่าการกินหนูจะช่วยให้ผิวกระชับมากขึ้น ผิวเนียนอีกต่างหาก ซึ่งหนูตัวใหญ่เขาจะมาย่างเป็นหนังกรอบหอมเสริฟแบบแฮมเบอร์เกอร์เลยที่เดียว ส่วนหนูทารกตัวสีชมพู แดงๆ ก็จะหย่อนหนูเป็นๆ ลงท้องทันทีตามด้วยนมสดสักแก้ว หรือไม่ก็จะอร่อยแบบศิวิไลหน่อยก็จับลูกหนูใส่ในขนมปังหรือกล้วยหอมแล้วยัด ใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ ร้องจิ๊ดๆ เป็นอันอร่อยเหาะ



อันดับ 9 สตูค้างคาว



อาหาร ขึ้นชื่อของเวียดนาม ประเทศที่กำลังเจริญกว่าไทยน่ะแหละ ขายดิบขายดี แถมยังหรูและหายากมาก โดยเฉพาะเมืองหลวงไซ่งอนน่ะมันอยู่ในระดับภัตตาคารหรูเท่านั้น ซึ่งชาวเวียดนามเชื่อกันว่าเนื้อค้างคาวคือราชันย์แห่งเนื้อทั้งปวง การกินน่ะหรือ ทำได้หลายวิธี เช่นทำซุป หรือนำมาสับเป็นชิ้นๆ เคี้ยวเป็นสตู หรือไม่ก็ใช้มีดคมๆ ตัดหัวค้าวคาวทันที จากนั้นก็รีดเลือดที่หยดจากร่างไร้หัวใส่แก้วเปล่าแล้วดื่มกินสดๆ ทันที




อันดับ 8 สตูว์เนื้อหมาดำ



พูด ถึงเอเชียก็ต้อง เนื้อหมา กินกันทั้งเกาหลี เวียดนาม ไทย แต่ถ้าจะหาประเทศที่กินเนื้อหมาได้มีลีลาเด็ดอร่อยก็ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อนบ้านของเรานั้นเองเพราะพี่เพื่อนบ้านแกทำหลายเมนูมาก โดยเฉพาะเนื้อหมาดำว่ากันว่ามีรสอร่อยกว่าเนื้ออื่นๆ ทั้งปวง แถมนุ่มกว่าเนื้อหมาสีอื่นๆ ทำให้เวลานี้หมาดำชักจะหายจากถนนและบ้านเรือนของอินโดนีเซียไปแล้ว




อันดับ 7 หัวแกะสด-ต้ม



จาก หลายประเทศรอบทะเล เมดิเตอร์เรเนียน เป็นเมนูที่คุ้นเคยอย่างยิ่งของชาวเมืองแถบนั้นว่ากันว่าหัวแกะถือว่าเป็น อาหารสุดยอดของแกะ เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ของชาวยิวที่เรียกว่า รอช อาแชน่า หัวแกะถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกับความหมายที่ว่า ใครก็ตามได้กินหัวแกะนั้นจะได้รับโชคดีในวันปีใหม่ที่จะมาถึง แต่ถ้ากินลูกนัยตาของลูกแกะเข้าไปย่อมโชคดีมากขึ้นไปอีก ส่วนรสชาติหลายๆ คนให้ความเห็นว่า “เค็มเหลือเกินพับผ่า”




อันดับ 6 ขนมพายครีบแมวน้ำ



ชาว นิวฟาวด์แลนด์กินพายที่มาจากครีบแมวน้ำนั้นถือว่าเป็นสิ่งวิเศษ และต้องกินก็ได้ถ้ามีโอกาส และด้วยเหตุนี้ส่งผลให้แต่ละปีจะมีแมวน้ำมากมายมหาศาลต่างถูกจับตัวขึ้นมา ตัดครีบทั้งสองข้าง จากนั้นก็ถีบลงเรือและปล่อยให้จมน้ำตายในทะเลไปอย่างน่าสมเพชที่สุด ในภัตตาคารใหญ่ๆ หลายต่อหลายแห่งก็มีเมนูชนิดนี้เปิดขายทั้งแบบปกปิดและเปิดเผย เพราะนานาประเทศยังต่อต้านเมนูนี้อยู่




อันดับ 5 สมองลิงแสนสนุก



วิธี การทำและการกินก็ ง่าย ก็เอาลิงพันธุ์อะไรก็ได้แล้วแต่มีให้ มาหนีบกับโต๊ะโดยมีส่วนหัวด้านบนโผล่ออกมา จากนั้นพ่อครัวก็ใช้วิชาบาร์เบอร์โกนขนส่วนบนของลิงออกจนเกลี้ยงเกลาจากนั้น ก็ใช้สิ่วและค้อนเฉาะกะโหลกของลิงออกคล้ายกับกะเทาะมะพร้าวอ่อน และแล้วลูกค้าก็จะรีบตักกินสมองลิงอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปสมองลิงจะยุบและลดปริมาณอย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งเขาก็เสิร์ฟสมองลิงแบบแช่แข็งไว้ด้วย เพื่อลดภาระสมองลิงหดตัวอย่างรวดเร็วอีกทางหนึ่ง




อันดับ 4 ปลาสองแผ่นดิน



เมนู นี้สามารถหากินได้จากประเทศจีนหรือไทยก็ได้ครับ วิธีการทำต้องใช้ฝีมือหน่อย เริ่มจากนำมาเก๋าขนาด 2 ก.ก. มาขอดเกล็ดออกให้หมดแล้วนำมาล้าง ก่อนจะใช้ผ้าเย็นที่แช่เย็นจัดพันส่วนหัวจนถึงพุงปลา แล้วก็ใช้มีดบั้งตัวปลาตั้งแต่ส่วนหางขึ้นมาจนถึงกลางลำตัว ระหว่างนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไปรอให้เดือดเต็มที่ แล้วก็นำหางปลาช่วงที่บั้งจุ่มลงไปทอดครึ่งตัว ซึ่งเป็นภาพที่หวาดเสียวมาก เพราะปลาจะดิ้นตลอดเวลาด้วยความเจ็บปวด ต้องใช้คีมคีบที่หัวปลาเอาไว้ รอจนเนื้อปลาสุกเป็นสีเหลือง ก็ยกขึ้นนำมาวางบนจานแต่งด้วยเครื่อง ยกเสิร์ฟโดยครึ่งบนปลายังเป็นๆ อยู่ อ้าปากพะงาบๆ ครีบยังกระดิกได้ แต่ครึ่งล่างทอดจนสุก กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดและซอสเปรี้ยว โดยคนจีนเชื่อว่าการทานปลาสองแผ่นดินเป็นยาชูกำลัง ให้กินมากๆ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงน่ะจะบอกให้ เชื่อไหม





อันดับ 3 อุ้งตีนหมี



เป็น อาหารที่นักเปิบมหาภัย ชอบมากและเป็นเมนูสุดโหด เพราะการตัดอุ้งตีนหมีนั้น ไม่สามารถตัดขณะที่หมียังมีชีวิตได้ การฆ่าหมีเองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหนังหมีจะหนามาก ยากต่อการฆ่า ดังนั้น ผู้ฆ่าจึงจับหมีถ่วงน้ำทั้งเป็น หมีความส่งเสียงร้องดังโหยหวนเมื่อถูกตะขอเหล็ก เกี่ยวร่างออกจากกรงขัง ไม่กี่นาทีต่อมามันก็ตกอยู่ในความมืดมิด เมื่อถูกกระสอบสวมคลุมร่าง นักท่องเที่ยวจะยืนมองวินาทีสุดท้ายของหมีควายโชคร้ายในถังเก็บน้ำใบเขื่อง ด้วยสายตาเฉยชา หลังจากร่างใหญ่ดิ้นพราดๆ อยู่เพียงครู่ ทุกอย่างก็สงบลง เพชฌฆาตรีบลงมีดเลือดสดๆ ไหลทะลักจากคอหมีลงสู่ถ้วยขนาดย่อม เลือดในถ้วยถูกผสมด้วยเหล้าขาวแล้วเวียนกันดื่ม หลังจากยืนดู การชำแหละอุ้งตีนหมีเสร็จสิ้น นักท่องเที่ยวจึงกลับไปที่โต๊ะ นั่งรออาหารจานเด็ดที่เชื่อว่าจะช่วยทำให้คนแข็งแกร่งในกามกรีฑา ดุจเดียวกับความแข็งแรงของอุ้งตีนหมี





อันดับ 2 ซุปตัวอ่อนมนุษย์



เรื่อง นี้เป็นเรื่องจริงน่ะครับ เพียงแต่รูปที่นำมาเป็นของจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เมนูนี้เป็นอาหารเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้นน่ะครับ มันมีขายอยู่ที่เฉินเซ่น ประเทศจีน การกินตัวอ่อนของมนุษย์ หรือทารกที่เพิ่งคลอดนั้นเป็นความเชื่ออย่างลับๆ ว่า จะช่วยเพิ่มคุณค่าอาหารหลายอย่างในหมู่ชาวจีน นั้นก็คือทำให้ผิวสวยเนียน ร่างกายแข็งแรงต้านทานโรค และที่เชื่อกันมากก็คือช่วยบำรุงไตได้ดีสำหรับวิธีการทำก็ไม่ยากเท่าไหร่ แค่เอาเด็กทารกแรกคลอด หรือเด็กที่ตายจากการทำคลอด ยิ่งเป็นเด็กผู้ชายยิ่งดี(เขาบอกว่ามีคุณค่าทางอาหารสูง) มาสับ มาเคี่ยวเป็นซุปและใส่เนื้อหมูลงไปเป็นอันเสร็จ………..รสชาติเหมือนซุปสมุนไพร อย่างไรก็ตามการนำเด็กทารกมาทำตุ๋นยาจีนเป็นอาหารที่ประเทศจีนนั้น ถือว่าผิดกฎหมาย ทำให้เมนูนี้ ต้องมีการสั่งเป็นพิเศษ หรือไม่ก็แอบทำให้กับพวกที่อยากรับประทานอาหารแบบพิสดาร แบบนี้





อันดับ 1 เนื้อมนุษย์ที่ปาปัว นิว กินี 



และ ก็ มาถึงอันดับหนึ่งของเรา ที่ปาปัว นิว กินี เวลามีใครตายขึ้นไม่ว่าจะเป็นญาติของตน หรือคนต่างเผ่าที่ตกอยู่ในครอบครองของตน เขาจะไม่นำศพไปฝังหรือเผา แต่จะนำศพไปไว้บนตะแกรงที่ยกพื้นสูงขนาดท่วมหัว ปล่อยให้ศพอยู่ในสภาพนั้นจนขึ้นอืด เกิดน้ำเหลืองเยิ้มไปทั้งตัวดีแล้ว ก็จะเข้าป่าหาใบไม้ที่เป็นเครื่อง เทศเอามาพับเป็นกระทงเล็กๆ (คงอย่างที่เตรียมใบชะพลูจะกินกับเมี่ยง) เหมาะที่จะมีขนาดกินคำเดียว แล้วก็เชิญพรรคพวกเพื่อนฝูงให้มารวมกันอยู่ใต้ตะแกรงศพนั้น นำเอาไม้ปลายแหลมแทงศพให้เป็นรู ให้น้ำเหลืองไหลย้อยออกมา นำกระทงใบไม้ที่เตรียมไว้ รองรับน้ำเหลืองนั้น พอได้มากดีแล้วก็กินทั้งน้ำเหลืองและใบไม้ กินกันจนไม่มีน้ำเหลืองแล้วก็นำศพนี้ไปต้มซุปกับผักต่างๆ กินกันต่อไป แต่ถ้าจะกินมนุษย์ที่สะใจที่สุดต้องยกให้ชนเผ่า โดโบดูรัส นิยมจับเหยื่อที่ล่ามาได้มากินแบบเป็นๆ นั้นคือต้องทรมานเหยื่อจนใกล้จะตายแต่ไม่ให้ถึงตาย จากนั้นก็เจาะกะโหลกให้เป็นรูลึกๆ เสียก่อน แล้วค่อยสอดไม้เล็กๆ ที่มีปลายแบบชอนเข้าไปตักสมองออกมากิน เหยื่อก็ดิ้นไปดิ้นมา ดูแล้วน่ารักอย่างยิ่ง...


Cr : www.dek-d.com