3/18/2555

KONY 2012

โจเซฟ โคนี่

ร่วมภารกิจ KONY 2012 บอกชาวโลกให้รู้จักกับ โจเซฟ โคนี่
Mthainews: คลิปวีดิโอที่ชื่อว่า  KONY 2012 ความยาว 30 นาที อ้างอิงจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ กำลังกลายเป็นคลิปที่ถูกส่งต่อกันมากที่สุด  และมียอดผู้เข้าชมมากที่สุด ในระยะเวลาเพียง 3 วันมียอดเข้าชมแล้วกว่า 26 ล้านวิว
กลุ่ม  Invisible Children ได้จัดทำคลิปวีดิโอ ดังกล่าวขึ้น เพื่อให้คนทั้งโลกได้เห็น และตระหนักว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นกับโลกของเรา และสิ่งที่พวกเขาต้องการจะสื่อให้กับคนทั้งโลก เป็นความหวังของใครบางคนที่เราสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้
คลิปวีดิโอต่อไปนี้ ไม่ใช่นิยาย ภาพยนตร์ หรือโฆษณาชวนเชื่อ แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นใน
ประเทศอูกันดา ฉากเริ่มต้นของคลิป กล่าวถึงการสื่อสารบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค สังคมออนไลน์ที่สามารถแชร์เรื่องราวประสบการณ์ต่างๆ ได้ให้กับคนทั่วโลกได้รับรู้ โดยมี เจสัน  รัซเซล ผู้ถ่ายทอดเรื่องราว
เริ่มต้นด้วยการนำเสนอชีวิตของลูกชายของเขา ที่เติบโตมากับครอบครัวที่อบอุ่น ชอบที่จะแสดงภาพยนตร์ ทำภาพยนตร์ มีครอบครัวคอยสนับสนุน ส่งเสริมให้เขาเป็นคนดี ที่ชีวิตของเด็กคนหนึ่งต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆบนโลกใบนี้
เด็กชายคนดังกล่าว ยังชี้ให้เห็นภาพของ เจคอป Jacob เพื่อนชาวอูกันดา ของเจสัน ที่รู้จักกันมานานเกือบ 10 ปี โดยย้อนกลับไปชีวิตของเจคอปในอูกันดานั้น ต่างจากชีวิตของเขาอย่างสิ้นเชิง ครั้งแรกที่เจสันพบกับเจคอป เขาเห็นเจคอปกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง เลยเรียกมาถาม เค้าเลยเล่าให้ฟังว่า ชีวิตในอูกันดานั้นน่ากลัว มีการลักพาตัวและทารุณกรรม จนถึงฆ่าเพื่อเอาชีวิต “พวกเขาจะฆ่าเรา พวกเขาจะลักพาตัวเราไปและฆ่าเรา”
เจคอปเล่าว่าพี่ชายของเขาพยายามหลบหนี แต่ไม่สำเร็จจนกระทั่งถูกฆ่าตัดคออย่างเหี้ยมโหดต่อหน้าต่อตา ด้วยชุมชนของเจคอปอยู่จากจากตัวเมือง ทำให้มีการลักพาตัว ข่มขืน ทารุณกรรมเกิดขึ้นที่นี่ จนพวกเขาหวาดผวา การใช้ชีวิตในเมืองแห่งนี้น่ากลัว และไม่มีเครื่องอุปโภคบริโภคครบครัน แต่เจคอปก็ยังมีความฝันว่าโตขึ้น เขาอยากจะเป็นนักกฎหมาย
เมื่อกลับมามองความจริงเขาก็ไม่มีเงินที่จะจ่ายสำหรับค่าเล่าเรียน เจสัน ใช้เวลาอยู่กับเจคอปกว่า 2 สัปดาห์ เขาถามคำถามหนึ่ง คำตอบที่ได้นั้น เขาจะไม่มีวันลืม..
ดีซะกว่าถ้าพวกเขาฆ่าเรา ถ้าเป็นไปได้ ฆ่าพวกเราเลยดีกว่า เราไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้ ไม่มีใครมาดูแลพวกเรา เราไม่ได้ไปโรงเรียน ตายซะตอนนี้เลยดีกว่า เพราะเราจะอยู่ถึงวันพรุ่งนี้ได้อย่างไร ถ้าเราได้พบเจอพี่ชายอีกครั้ง…
และนั่นคือสิ่งที่เจสัน สัญญากับเขาว่า จะต้องทำอะไรสักอย่าง ทำทุกอย่างเพื่อหยุดเขา เราจะ
หยุดเขา
และภารกิจก็เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่นันเป็นต้นมา จนปัจจุบัน ปี 2012 เป็นปีที่เราจะหยุดมันที่ตรงนี้ เพื่อที่จะจัดการกับ โจเซฟ โคนี่ (Joseph Kony)
สิ่งที่เขาต้องการจะบอกพวกเราก็คือ การที่ให้ลูกชายเป็นตัวแทนของคนทั้งโลก เจสันให้ลูกชายดูรูปของ โจเซฟ โคนี่ พร้อมกับบอกว่านี่คือ คนเลว ส่วนอีกภาพหนึ่งเป็นภาพของเจคอป
และเล่าเรื่องราวว่า โคนี่คือคนร้ายที่ลักพาตัวและทารุณกรรมครอบครัวของเจคอป ลูกชายของเขาก็รู้สึกเศร้ากับเรื่องราวที่ได้รับฟัง และนั่นเองเขาก็อยากให้คนทั่วโลกได้รับรู้เช่นกันว่า โจเซฟ โคนี่ คือใคร
โจเซฟ โคนี่ ได้ก่อกบฎขึ้นในประเทศอูกันดา สิ่งที่เขาทำนั้นเลวร้ายเกินกว่าความเป็นมนุษย์ จนติดอยู่ในอันดับ 1 ของผู้ก่อการร้ายที่เลวร้ายที่สุดในโลก เขาได้ลักพาตัวเด็ก ๆ ไร้เดียงสามาเข้ากลุ่มกบฎ LRA  เด็กจำนวนมากกว่า 3 หมื่นคนถูกเขาลักพาตัวและทารุณกรรม  ขณะที่เด็กผู้หญิงจะถูกจับมาเป็นทาสบำเรอกาม ส่วนเด็กหนุ่มนั้นถูกจับมาใช้ในการต่อสู้ในกบฎ
ที่น่าสลดใจก็คือ เด็ก ๆ ไร้เดียงสาทั้งหลายนั้นถูกบังคับให้ฆ่าแม้กระทั่งพ่อแม่ของตัวเอง ฆ่าคนอื่น ๆ  และทำให้ใบหน้าของผู้อื่นถึงกับพิการ  สิ่งเลวร้ายที่เขาทำลงไปใช้ระยะเวลากว่า 26 ปี ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีใครหยุดเขาได้ ทำให้ชีวิตเด็กๆต้องหวาดผวา
คนทั้งโลกจำนวนน้อยมากที่รู้จัก โคนี่ ลูกชายของเจสันตอบอย่างมั่นใจว่า เราควรหยุดเขา เจสันและเพื่อนพยายามบอกเล่าเรื่องราวให้รัฐบาลอูกันดาได้รับทราบ แต่พวกเขากล่าวถึงปัญหาที่เกี่ยวเนื่องจากนโยบายความมั่นคงระหว่างประเทศ แต่เจสันและเพื่อนก็พยายามนำเรื่องราวไปบอกต่อกับผู้คนในประเทศให้รับรู้ บางคนรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
เจสันทำกาสร้างกลุ่มในเฟสบุ้ค เพื่อเป็นช่องทางผนึกกำลัง ในการต่อสู้กับโคนี่ มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยพวกเขายังได้เข้าไปฟื้นฟูสถานที่ต่างๆที่โคนี่ได้ลงมือก่อกบฎ เช่นการให้กำลังใจ กิจกรรมสันทนาการ และบริจาคเงินช่วยเหลือ หรือแม้กระทั่งสร้างโรงเรียน
สิ่งเหล่านี้พวกเขาทำเองโดยยังไม่มีการช่วยเหลือจากภาครัฐ ชาวอูกันดาเริ่มมีความหวัง เพราะมีการสร้างงาน สร้างสถานีวิทยุ เป็นช่องทางติดต่อสื่อสาร และป้องกันการเกิดการกบฎขึ้นอีก
พลังของผู้ต่อต้าน โคนี่ ได้ประกาศลั่นว่าพวกเขาจะเปิดศึกต่อสู้กับโคนี่ นอกจากนี้ยังมีการขอความร่วมมือจากบรรดานักการเมือง ภาครัฐ   และพวกเขาก็เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าสมควรที่จะหยุดโคนี่ ฆาตรกรอันดับ 1 ของโลกให้ได้
เดือนตุลาคม ปี 2011 ทีมของเจสันได้รับจดหมายจากบารัค โอบามา ประธานาธิบดีของสหรัฐ โดยระบุว่า ได้ส่งทัพทหารจำนวนหนึ่งไปยังแอฟริกาเพื่อต่อสู้กับกองกำลังกลุ่มกบฎ LRA ของโคนี่ นับเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่ง
แต่การจัดการกับโคนี่ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2011 เด็กชายวัย 14 ปี ที่หลบหนีจากกลุ่มกบฎ LRA มาได้ รายงานว่า โจเซฟ โคนี่ ได้รับรู้แล้วว่ากองกำลังสหรัฐกำลังจะเปิดศึกจัดการกับพวกเขา – และนั่นเอง โคนี่อาจจะต้องเปลี่ยนวิถีการ และหลบหนีการจับกุม ถ้าหากว่าภารกิจของสหรัฐล้มเหลว มันอาจจะเกิดสิ่งเลวร้ายมากขึ้นกว่านี้ ไม่เพียงแต่ชาวอูกันดาเท่านั้น แต่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกๆคน
สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ทำให้โลกรู้ว่า ทุกคนบนโลกใบนี้ต้องการกำจัด โคนี่ ทำให้รัฐบาลเห็นความสำคัญว่าทุกคนให้ความสำคัญในเรื่องนี้
เราจะไม่ยกเลิกภารกิจ และก็หวังว่าสักวันจะได้รับข่าวดีที่ว่า สามารถจับกุมตัวโคนี่ ฆาตรกรหมายเลข 1 ของโลกบนหน้าหนังสือพิมพ์ เด็กๆที่เขาลักพาตัวจะได้กลับไปสู่บ้านเกิด

3/17/2555

แคนแคน (ฝรั่งเศสcancan, ก็องก็อง แปลว่า อื้อฉาวอังกฤษสะกด can-can) เป็นรูปแบบการแสดงเต้นระบำในห้องโถง ประกอบดนตรีจังหวะเต้นรำ โดยใช้นักเต้นสตรีสวมกระโปรงยาว มีกระโปรงลูกไม้ซับใน สวมถุงน่องและรองเท้าส้นสูง นักเต้นจะเต้นด้วยท่าทางยั่วยวนผู้ชมที่เป็นชาย โดยเปิดชายกระโปรงให้เห็นกางเกงชั้นใน และเตะขาขึ้นสูง หรือกระโดดแยกขา สลับกับการเคลื่อนไหวร่างกาย 
ดนตรีที่ใช้ประกอบการเต้น มักใช้เพลงกาล็อพ (galop, ม้าควบ) ในจังหวะ 2/4 เพลงที่นิยมใช้ คือเพลง Orpheus in the Underworld ของชาก ออฟเฟนบาค หรือเพลงอื่นๆ ของโยฮันน์ ชเตราสส์ ที่สอง
การเต้นแบบแคนแคนเกิดขึ้นครั้งแรกราวทศวรรษ 1830 การเต้นบอลรูมของชนชั้นผู้ใช้แรงงานในย่านมงต์ปาร์นาส กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยนักเต้นชาย แต่เป็นที่นิยมเต้นในช่วงทศวรรษ 1890 เป็นการเต้นแสดงโดยนักเต้นหญิง โดยเฉพาะการแสดงที่โรงละครมูแลงรูจ ที่ตั้งอยู่ในย่านโคมแดงในมงมาร์ต นักเต้นหญิงที่มีชื่อเสียง เช่น La Goulue และ Jane Avril ที่มีปรากฏอยู่ในภาพวาดแบบโพสต์อิมเพรสชันนิสม์ของอองรี เดอ ตูลูส-โลแตร็ก เป็นจำนวนมาก
การเต้นแคนแคนที่มูแลงรูจเป็นที่นิยมจนถึงทศวรรษ 1920 และเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากละครเวทีเรื่อง Can-can (1953) โดยโคล พอร์ตเตอร์ จัดแสดงที่บรอดเวย์ และเวสต์เอนด์ และภาพยนตร์ในปี 1960 นำแสดงโดยแฟรงก์ ซินาตรา และเชอร์ลี แมคเลน