อันดับ 5.
พนักงาน รักษาความปลอดภัย ผู้นำตัวประธานาธิบดีลงจากตำแหน่ง
(The Security Guard Who Brought Down a President)ไม่น่าเชื่อว่าพนักงานความปลอดภัยที่เงินค่าจ้างเพียง 80 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์
ที่ไม่รู้ถึงสัญญาเตือนอันตรายอะไรล่วงหน้า จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์
ของอเมริกาได้ เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 17 มิถุนายน 1972
ขณะที่พนักงานความปลอดภัยคนหนึ่งกำลังลาดตระเวนสำนักงานที่ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่
ของพรรคเดโมแครต (Democratic) ได้สังเกตเห็นสิงผิดปกติในที่ทำการ (ประตูเปิด)
จึงโทรเรียกตำรวจ ส่งผลสามารถจับกุมผู้ต้องหา 5 คน ได้พร้อมของกลางจากการสอบสวนเป็นเรื่องเป็นราว ส่งผลให้ผู้ร้ายย่องเบาถูกการจับกุม
และมีการสอบสวนเพิ่มเติม ก็ปรากฏว่าตัวนิกสันที่เป็นประธานาธิบดีอเมริกา
มีพฤติกรรมทุจริตในการเลือกตั้ง โดยการใช้อำนาจรัฐในทางมิชอบ
ต่อมานิกสันต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ทั้งหมด ต้องลาออกในตอนท้ายในปี 1974
ก่อนที่อเมริกาจะถูกเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ภายหลังมีการตั้งชื่อคดี นี้ว่าคดีวอร์เตอร์เกต (Watergate) ที่หลายคนรู้จักกันดีนั้นเอง
ส่วนชีวิตพนักงานรักษา ความปลอดภัยแสนซื่อสัตย์คนนั้นนะเหรอ
เราก็ไม่รู้เกี่ยวกับตัวเขามากนัก (ขนาดชื่อเขาผมยังหาไม่เจอเลย ใครรู้ช่วยบอกที)
แต่แหล่งข่าวออกมาบอกว่ารัฐบาลตอบแทนเขาอย่างแสบสันต์เลยแหละ
คือ เขาโดนตัดเครดิตทุกอย่าง เช่น ไม่สามารถซื้อตั๋วรถไฟฟ้า ไม่มีที่ฝังศพแม่ของเขา
เขาต้องใส่เสื้อจรจัดพร้อมถังน้ำเดินขอเงินตามข้างถนน และโดนจำคุกในปี 1983
ข้อหาขโมยเงินร้านร้องเท้า 13 ดอลลาร์ และตายในปี 2000จริงอยู่คนที่ให้เครดิตคดี "วอร์เตอร์เกต" คือ "ดีพโธรต" และสื่อมวลชน
แต่ถ้าไม่มีพนักงานความปลอดภัยคนนั้นก็ไม่มีจุดเริ่มต้นของ "คดีวอเตอร์เกต
อันดับ 4.
เด็กที่ฆ่า พระเจ้าริชาร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ
(และเปลี่ยน ประวัติศาสตร์)
(The Kid Who Killed Richard the Lionheart
(and Changed History))พระเจ้าริชาร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ (8 กันยายน ค.ศ.1157– 6 เมษายน ค.ศ.1199)
ครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษระหว่างปี ค.ศ. 1189 ถึง พ.ศ. 1199
เรียกพระนามว่า ริชาร์ดใจสิงห์ (Richard the Lionheart) ทรงเป็นขุนศึกที่แสนฉลาด
ทำศึกกับคนนอกศาสนา ชาวยิว ประเทศศัตรู ในสงครามคูเสด โดยมีกองกำลังทหาร
ที่แสนร้ายกาจเป็นทีมสนับสนุน และพระองค์ยังทรงเก่งในการใช้ดาบต่อสู้ข้าศึกอีกด้วย
จริงอยู่ในประวัติศาสตร์จารึกว่าพระองค์แพ้สงครามครูเสด
เพราะทหารไม่ชินต่อสภาพภูมิอากาศ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า
สาเหตุหนึ่งในนั้นยังมีบุคคลหนึ่งได้เปลี่ยนประวัติศาสตร์
ที่เป็นสาเหตุให้อังกฤษพ่ายแพ้สงครามครั้งนี้แต่ที่... น่าเหลือเชื่อ คือคนที่ชนะพระองค์ในสงครามครูเสดนั้นเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่มีอาวุธเพียงหน้าไม้และกระทะเท่านั้น!!
นักฆ่าคนนั้นเป็นปริศนาเสียจริง ขนาดเพศชายหญิงก็ไม่มีใครทราบ
ไม่มีใครรู้แม้แต่ชื่อของเขา มีบันทึกเดาชื่อของเขามากมาย
เช่น ปีเตอร์(Peter), ดูโด(Dudo), จอห์น(John) หรือเบอร์ ตัน(Bertran)
(ขอเรียกย่อเด็กชายคนนี้เป็น PDJB ละกัน) โดยเรื่องของเรื่องคือ
ขณะที่พระ เจ้าริชาร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ ทำศึกสงครามครูเสด เพื่อมุ่งสู่นครเยรูซาเล็ม
(ครั้งที่ 3) จนถึงเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งของ PDJB ทหารของริชาร์ดจัดการเมืองเล็กๆ นี้
โดยการฆ่าคนและเผาเมือง รวมไปถึงการฆ่าพ่อ และพี่ชาย, น้องชายของเด็กคนนั้นด้วย
มันช่างง่ายต่อพระเจ้าริชาร์ดที่ 1 เสียยิ่งกระไรและแล้วพระเจ้าริชาร์ดที่ 1 ก็อวดบารมี พระองค์ทรงขึ้นไปจุดสูงสุดของกำแพงเมือง
อวดให้ชาวเมืองที่กำลังจะตาย และทหารของพระองค์ได้ดู
และแล้วทันใดนั้นก็มีลูกศรพุ่งตรงมาปักบริเวณปอดของพระเจ้าริชาร์ด
ทหารของพระองค์หันไปมองเห็นเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งกำลังง้าวลูกศรเพลิงออกไป
และลูกที่สองก็ปล่อยออกมาไปปักที่ไหล่ของพระองค์ ทำให้พระองค์บาดเจ็บสาหัส
และรักษาไม่ได้จนเกิดเนื้อเน่า การบุกรุกแดนตะวันออกกลางจึงหยุดแต่เพียงเท่านั้น
(ก่อนที่พระองค์จะตายใน ค.ศ.1199)
ส่วนชีวิตของเด็กชายนั้นไม่รู้ว่าเขาเป็นไงต่อหลังจากนั้น ว่ากันว่าทหารฆ่าเด็ก
อย่างโหดร้าย หรือบางตำนานบอกว่าพระองค์ทรงให้อภัยเด็ก เพราะเขามีความกล้า
ท้าทายพระองค์ ซึ่งสุดท้ายทำให้ชาวเมืองของ PDJB เกือบล้านชีวิต รอดตายมาได้
อันดับ3.
ทาสหญิงผู้ช่วยโลกใหม่
(The Slave Girl Who Helped Conquer The New World)ชาวสเปนชื่อ เฮอร์นาน คอร์เตส (Hernan Cortes) อาจได้รับเครดิต
ที่สามารถพิชิตอาณาจักรอาซเทกที่แสนดุร้ายในอเมริกาใต้ได้
แต่หลายคนจะรู้ไหมหนอว่า เบื่องหลังของความสำเร็จนั้น
มาจากทาสหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งคอยช่วยอาณาจักรสเปนอยู่หญิงสาวผู้นั้นมีนามว่า "ลา มาลินเช่" (La Malinche)
ไม่มีบันทึกไว้ชัดเจนว่าพื้นเพของเธอนั้นเป็นใครมาจากไหน อายุเท่าไหร่
แม้แต่ชื่อจริงของอยู่เธอก็ยังเป็นปริศนา กระทั่งวันเกิดวันตายของเธอก็ไม่มีผู้ใดรู้
รู้แต่ว่าเธอเป็นทาสสาวของชาวมายาที่แสนต่ำต้อยที่ยกให้สเปนอย่างที่รู้ๆ กันอาณาจักรอาซเทก ไม่มีความรู้เรื่องภาษาหรือวัฒนธรรมของสเปน
ซึ่งทำให้สเปนไม่มีล่ามที่จะสื่อสารชนเผ่าต่างๆในอาณาจักรอาซเทก
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องฝึกเด็กสาวนั้นได้เรียนรู้ภาษาสเปนเพื่อช่วยให้เธอเป็นล่าม
สานความสัมพันธ์เจรจากันทั้งสองฝ่าย และแต่งตั้งให้เธอเป็นทูตในที่สุด
และตลอดที่ลา มาลินเช่เป็นทูตนั้น เธอทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม สามารถเจรจากับ
ชนเผ่าต่างๆ ในอาณาจักรแอสเท็ค โดยปราศจากการต่อสู้ จนสามารถรวบรวมอาณา
จักรเม็กซิโก และพิชิตอาณาจักรนี้สำเร็จ จนทำให้ดินแดนแถบนั้นกลายเป็นเมืองขึ้น
ของสเปนอยู่ถึง 300 ปี และเมื่อเสร็จงานในปีค.ศ. 1524 คอร์เตสพาลา มาลินเช่
ไปช่วยราชการในการยึดดินแดนทางใต้ (ปัจจุบันคือประเทศฮอนดูรัส)
และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผู้คนมีโอกาสได้ยิน ชื่อเธอบนหน้าประวัติศาสตร์
เพราะหลังจากนั้นเธอก็หายตัวสาบสูญไปเลย
อันดับ 2.
ใครกันที่ เป็นคนสร้างความหวังเมื่อไปเจอทะเลทองคำเข้า
(The Prospector Who Stumbled Across An Ocean of Gold)ปี1886 ซึ่งเป็นปีที่ชาวแอฟริกาใต้กำลังตื่นทอง และนักสำรวจแร่ต่างได้เข้ามายื้อแย่งกัน
นายซอรส์ แฮ รี่สัน (Sors Hariezon) ได้เดินทางไปทั่วแอฟริกาใต้
และในที่สุดเขาก็ได้พบกับแร่ทองคำ เขาได้ปักเขตพื้นดินให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขา
และก็ตั้งตนค้นหาทองต่อไป และไม่นานนักพวกล่าทองคำ ล่าผืนดิน
ได้เข้ามาในบริเวณนี้เป็นบริเวณกว้างหลายร้อยไมล์จากนั้น ซอรส์ได้ขายกรรมสิทธิ์ของเขาไปในราคาเพียง 20 เซ็นต์แล้วแยกตัวออกมา
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้ข่าวเขาอีกเลยบ้างก็ว่าเขาไม่ได้ออกไปไหน
แต่ชื่อของเขาถูกออกเสียงผิดๆว่า จอร์จ แฮรี่สัน บนใบกรรมสิทธิ์ทองคำ
ซึ่งบางประวัติศาสตร์บอกว่า เขาได้ขายไปและออกเดินทางแต่โดนสิงโตกินไปแล้ว
(แถมคำว่าซอรส์ไม่ใช่ชื่อจริงเขาอีก เนื่องจากคำว่าซอรส์นั้น
เป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งความโชคดีของชาวโรมัน)และที่แห่งนั้นอยู่ใกล้กับที่ซึ่ง ต่อมาได้แบ่งออกเป็นเมืองโจฮันเนสเบอร์ก
ยังคงผลิตทองคำออกมาเรื่อยๆ ในแต่ละปี ซึ่งสามารถผลิตทองได้
ปีละหนึ่งพันตันเป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว
อันดับ1.
พ่อค้าถ่าน ที่ช่วยชีวิตพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
(และเปลี่ยน ประวัติศาสตร์อีกครั้ง)
(The Coal Merchant Who Saved King Louis the Fourteenth
(And Changed History Again))ในปี 1640 คนขายถ่านคนหนึ่ง กำลังเดินกลับบ้าน และเมื่อถึงบ้าน
ครอบครัวของเขาต่างแปลกใจ ที่พบเด็กชายคนหนึ่งในอ้อมแขนของคนขายถ่าน
ซึ่งเขาอธิบายว่าเขาเห็นเด็กชายคนนั้น กำลังจมน้ำที่แอ่งข้างหลังราชวังสุดหรู
ของฝรั่งเศส (มี 2 กรณีคือเล่นซนหรือไม่ก็ลอบสังหาร)
ซึ่งในบริเวณนั้นไม่มีคนอื่นๆ นอกจากเขา เขาเลยช่วยเด็กชายคนนี้ขึ้นจากน้ำ
และปฐมพยาบาลเขาทั้งคืนจนเด็กชายคนนั้นได้สติหารู้ไม่ว่าอนาคตคนนี้เด็กคนนี้จะเป็นกษัตริย์ในนามข้างหน้าซึ่งพระนามว่า พระเจ้าหลุยส์ที่ 14!!
หลังจาก คนขายถ่านได้ช่วยเหลือกษัตริย์เด็กผู้ชายหลุยส์ที่ 14!! ฟื้นจากความตาย
เพื่อเป็นการขอบคุณคนขายถ่าน หลุยส์ที่ 14!ได้สัญญาเขาว่าจะตอบแทนเงิน
และหลังจากนั้นเราก็ไม่ทราบข่าวของ คนขายถ่านคนนี้อีกเลย
ว่าเขามีชีวิตอย่างไรหลังจากนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น